เบี้ยประกันรถยนต์ คือ ค่าใช้จ่ายที่เจ้าของรถยนต์ต้องชำระให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อแลกกับการคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยที่คุณเลือก
ปัจจัยที่มีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์
1. ประเภทของประกันภัย
- ประกันชั้น 1: คุ้มครองครอบคลุมที่สุด (รถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม บุคคลภายนอก)
- ประกันชั้น 2+: คุ้มครองใกล้เคียงชั้น 1 แต่ไม่รวมความเสียหายจากการชนแบบไม่มีคู่กรณี
- ประกันชั้น 3+: คุ้มครองเฉพาะบุคคลภายนอกและอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี
- ประกันชั้น 3: คุ้มครองเฉพาะบุคคลภายนอก
- ประกันภัยแบบเฉพาะเจาะจง (ไมโครอินชัวรันส์)
2. ยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์
- รถยนต์ที่มีราคาสูงหรือมีค่าซ่อมบำรุงสูง เบี้ยประกันจะสูงตาม
3. อายุของรถยนต์
- รถยนต์ใหม่มักมีเบี้ยประกันสูงกว่า เนื่องจากมูลค่ารถยังสูงอยู่
4. ประวัติการขับขี่
- หากไม่มีประวัติการเคลม (No Claim Bonus) จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกัน
5. อายุและเพศของผู้ขับขี่
- ผู้ขับขี่ที่อายุน้อยกว่าอาจมีเบี้ยประกันสูงกว่า เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงกว่า
6. พื้นที่ใช้งาน
- การใช้รถในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น เมืองใหญ่ อาจทำให้เบี้ยสูงขึ้น
7. ทุนประกัน
- ทุนประกันที่สูงขึ้นจะทำให้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้น
วิธีลดเบี้ยประกันรถยนต์
1. เลือกประเภทประกันภัยที่เหมาะสมกับการใช้งาน
2. ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรม
3. ระบุชื่อผู้ขับขี่หลัก
4. เลือกซ่อมอู่แทนซ่อมห้าง
5. ใช้ส่วนลดจากประวัติการขับขี่ดี (No Claim Bonus)
6. เปรียบเทียบราคาจากหลายบริษัทประกันภัย
หากคุณสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบี้ยประกันรถยนต์ สามารถเข้าดูเพิ่มเติมได้ที่
https://www.viriyah.com/motor-insurance/class-all/premium ! 😊