ไม้เอ็นจิเนียร์ คืออะไร? ทำความรู้จักพื้นไม้ที่ได้รับความนิยมเมื่อนึกถึงพื้นไม้ที่ให้ความอบอุ่น สวยงาม และเป็นธรรมชาติ พื้นไม้จริงมักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง แต่ในปัจจุบัน มีวัสดุปูพื้นอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือ
ไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) ซึ่งเป็นพื้นไม้ที่ผสมผสานความสวยงามของไม้จริงเข้ากับคุณสมบัติที่เหนือกว่าในหลายๆ ด้าน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับไม้เอ็นจิเนียร์ให้มากขึ้น ว่ามันคืออะไร มีโครงสร้างอย่างไร และทำไมจึงเป็นที่นิยมในยุคนี้
ไม้เอ็นจิเนียร์ คืออะไร?ไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Flooring) คือ พื้นไม้สำเร็จรูปประเภทหนึ่งที่ไม่ได้ทำจากไม้จริงทั้งชิ้น แต่เป็นการนำไม้จริงมาแปรรูปและประกอบเข้าด้วยกันเป็นชั้นๆ โดยทั่วไปแล้ว ไม้เอ็นจิเนียร์ประกอบด้วยชั้นไม้ที่แตกต่างกันตั้งแต่ 2-3 ชั้นขึ้นไป อัดแน่นเข้าด้วยกันภายใต้ความร้อนและแรงดันสูง ทำให้ได้พื้นไม้ที่มีความแข็งแรง คงตัว และทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีกว่าไม้จริงบางประเภท
หัวใจสำคัญของไม้เอ็นจิเนียร์คือการออกแบบโครงสร้างแบบหลายชั้น โดยชั้นบนสุดจะเป็น "ชั้นไม้จริง" (Wear Layer) ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งคุณภาพดี ทำให้ไม้เอ็นจิเนียร์ยังคงให้สัมผัสและความสวยงามของลายไม้ธรรมชาติเหมือนพื้นไม้จริงทุกประการ
โครงสร้างพื้นไม้เอ็นจิเนียร์: ประกอบด้วยอะไรบ้าง?ความคงตัวและความทนทานของไม้เอ็นจิเนียร์มาจากโครงสร้างการประกอบแบบพิเศษ ซึ่งมักจะประกอบด้วย 3-4 ชั้นหลักๆ ได้แก่:
[ol]
- ชั้นไม้จริง (Wear Layer / Top Layer): เป็นชั้นบนสุด ทำจากแผ่นไม้จริงบางๆ (Veneer) ของไม้เนื้อแข็งหลากหลายชนิด เช่น ไม้โอ๊ค (Oak), ไม้วอลนัท (Walnut), ไม้เมเปิ้ล (Maple), ไม้สัก (Teak) หรือไม้ชนิดอื่นๆ ชั้นนี้มีความหนาที่แตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อและความเกรดของไม้ ยิ่งชั้นไม้จริงมีความหนามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถขัดทำสีใหม่ได้หลายครั้งมากขึ้น
- ชั้นแกนกลาง (Core Layer): เป็นชั้นที่หนาที่สุด ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลัก มักทำจากไม้เนื้ออ่อนอัดประสานแบบหลายชั้น (Plywood) หรือ แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง (MDF - Medium-Density Fibreboard) หรือ แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นสูง (HDF - High-Density Fibreboard) ชั้นแกนกลางนี้จะถูกนำมาเรียงซ้อนกันแบบสลับเสี้ยนไม้ในแนวตั้งฉาก ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยลดการยืดหดตัวและโก่งงอของไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่ออุณหภูมิและความชื้นเปลี่ยนแปลง
- ชั้นล่างสุด (Backing Layer / Stabilizing Layer): เป็นชั้นฐานอยู่ด้านล่างสุด มักทำจากไม้เนื้ออ่อนหรือไม้วีเนียร์บางๆ มีหน้าที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับแผ่นไม้เอ็นจิเนียร์ทั้งแผ่น ป้องกันการโก่งตัว และช่วยให้พื้นไม้มีความมั่นคงเมื่อติดตั้ง
[/ol]
การประกอบชั้นไม้ต่างๆ เข้าด้วยกันในลักษณะนี้ ทำให้ไม้เอ็นจิเนียร์มีคุณสมบัติเด่นในเรื่อง
"ความคงตัว" (Stability) สูงกว่าพื้นไม้จริงที่ทำจากไม้แผ่นเดียวอย่างมาก
ทำไมพื้นไม้เอ็นจิเนียร์จึงได้รับความนิยม?ด้วยโครงสร้างและคุณสมบัติพิเศษ ทำให้ไม้เอ็นจิเนียร์กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการปูพื้นในที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ เช่น:
[ul]
- ความสวยงามเหมือนไม้จริง 100%: เนื่องจากชั้นบนสุดเป็นไม้จริง ทำให้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีลวดลาย สีสัน และสัมผัสที่เป็นธรรมชาติของไม้จริงอย่างแท้จริง สามารถเลือกชนิดไม้และสีเคลือบผิวได้หลากหลายตามต้องการ
- ความคงตัวสูง ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น: นี่คือจุดเด่นที่สุดของไม้เอ็นจิเนียร์ ด้วยโครงสร้างแบบหลายชั้นที่สลับเสี้ยนไม้ ทำให้มันมีการยืดหดตัวน้อยกว่าไม้จริงแผ่นเดียวอย่างมาก เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรือความชื้นบ่อยๆ เช่น ในคอนโดมิเนียม หรือห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา
- ติดตั้งง่ายและหลากหลายวิธี: ไม้เอ็นจิเนียร์สามารถติดตั้งได้หลายแบบ เช่น ติดตั้งแบบลอยตัว (Floating Installation) โดยไม่ต้องใช้กาวหรือตะปูยึดกับพื้นเดิม เหมาะสำหรับพื้นคอนกรีต หรือจะติดตั้งแบบติดกาว (Glue-down) หรือยึดด้วยตะปู (Nail/Staple Down) ก็ได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
- ทนทานต่อแรงกระแทกและการใช้งาน: ด้วยชั้นแกนกลางที่แข็งแรง ช่วยเสริมความทนทานของพื้นไม้ต่อแรงกดและการใช้งานในชีวิตประจำวัน
- ราคาเข้าถึงง่ายกว่าพื้นไม้จริงคุณภาพสูง: โดยทั่วไปแล้ว ไม้เอ็นจิเนียร์มักมีราคาต่อตารางเมตรที่ย่อมเยากว่าพื้นไม้จริงที่ทำจากไม้เนื้อแข็งชนิดเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
- สามารถขัดทำสีใหม่ได้: แม้จะไม่สามารถขัดได้หลายครั้งเท่าไม้จริงแผ่นหนา แต่ไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีชั้นไม้จริงหนาพอสมควรก็สามารถทำการขัดและทำสีใหม่ได้ 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นไม้จริง ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นได้
[/ul]
ไม้เอ็นจิเนียร์ เป็นพื้นไม้ทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นผิวที่สวยงามเป็นธรรมชาติของไม้จริง แต่ต้องการคุณสมบัติที่เหนือกว่าในเรื่องความคงตัว ทนทานต่อความชื้น และงบประมาณที่เข้าถึงง่าย ด้วยโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม้เอ็นจิเนียร์สามารถติดตั้งได้หลากหลายพื้นที่ และดูแลรักษาได้ไม่ยากนัก หากคุณกำลังมองหาพื้นไม้ที่ผสมผสานความสวยงาม ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่า พื้นไม้เอ็นจิเนียร์คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้ามครับ
Tags :
ไม้เอ็นจิเนียร์ engineer ks wood